มองโรคในแง่ดี
ออร์แกนิคในหัวใจ #1
ลองกลับไปอ่านชื่อเรื่องอีกทีครับ! คุณไม่อ่านผิดและผมก็ไม่ได้เขียนผิดหรอกครับ ผมแค่อยากให้พวกเรามองด้านดีของ
เรื่องร้ายๆ กันสักหน่อย เพราะทุกๆ เรื่องมีด้านที่ดีเสมอ ก่อนที่ผมจะมองโรคในแง่ดี ผมอยากเล่าด้านร้ายให้พวกเราได้
ตระหนักกันก่อน
ผมผ่านเรื่องร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของผมมาแล้ว… “ไตวาย” ภัยเงียบที่มาโดยผมไม่รู้ตัว (อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายนักนะครับ) ผมเป็นคนที่แข็งแรงมาก ปีหนึ่งปวดหัวตัวร้อนครั้งสองครั้งไม่เกินนั้น มีอยู่วันหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วผมเกิดอาเจียนไม่หยุดตั้งแต่เช้าจนเย็น เมื่อสรุปได้เองว่าอาการที่เกิดไม่ใช่อาหารเป็นพิษหรือโรคอื่นที่เคยเป็นแน่นอน ผมก็ตรงดิ่งไปหาหมอ หลังจากคุณหมอตรวจทั้งโดยการสังเกตอาการ สอบถามประวัติและเจาะเลือดตรวจ คุณหมอบอกผมว่า
หมอ: “อาการของคุณคือ ไตวายเรื้อรัง”
ผมอึ้งไปพักใหญ่และถามคุณหมอว่า
ผม: “แล้วไตเอ๊กซ์และไตแซดเป็นยังงัยครับหมอ”…(บรรทัดนี้ล้อเล่นครับ ขำ ขำ)
ผมถามจริง: “ไตวาย มันเป็นยังงัยครับหมอ”
หมอ: “ไตวายมี 2 ประเภท มีไตวายเฉียบพลัน กับไตวายเรื้อรัง ของคุณเป็นไตวายเรื้อรังระดับ 4 ครับ”
ผม: “แล้วมันมีกี่ระดับครับหมอ”
หมอ: “4 ระดับ”…
ผม: อึ้ง!
หมอ: “สำหรับคุณยังไม่ต้องฟอกไต แต่ต้องควบคุมเรื่องอาหารอย่างเคร่งครัด”
ผม: “ถ้างั้นผมจะกินอย่างชีวจิต ผมก็คงอยู่โดยไม่ต้องฟอกไตได้อีกนานใช่ไหมครับ”
หมอ: “อืม…ม…”(ไม่ตอบ) …”ขั้นต่อไปหมอขอเจาะไตของคุณเพื่อดูเนื้อไตอย่างละเอียดหน่อยนะครับ แล้วคุณมีไวรัสตับอักเสบบี คงต้องเจาะตับดูภาวะเสี่ยงอีกด้วยครับ”
ผม: “เหรอ…ครับ”
หลังจากกินแบบชีวจิตอย่างเคร่งครัดเพื่อนหลายคนเป็นพยานได้ ผมก็ทนได้แค่ 3 เดือน ผมต้องเข้ากระบวนการฟอกไต นอนฟอกครั้งละ 4 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ครอบครัวผมร่วมวางแผนเปลี่ยนไตให้ผม โดยมีน้องชายและน้องสาวทั้งสองของผมยินดีสละไตให้ผมหนึ่งข้าง… วันปีใหม่ปี 2550 ของขวัญปีใหม่ในปีนั้นของผมคือ ไตที่สมบูรณ์ของน้องชายผม ทุกวันนี้น้องชายผมสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนผมก็ใช้ชีวิตอย่างมีสุข รู้ค่าทุกนาทีของการมีชีวิตอยู่ เรียนรู้ที่จะอยู่กับยากดภูมิตลอดชีวิตเพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธไตของน้องชาย ตรงไปตรงมากับตัวเอง รีบทำสิ่งที่คิด ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ยึดติดกับสิ่งสมมติมากเกินไป ดีต่อคนรอบข้าง ดีต่อเพื่อนร่วมงาน…ผมมีความสุขดี…มาก
ทำไม่ผมถึงอยากให้คุณมองโรคในแง่ดีเหรอครับ เพราะผมอยากให้คุณมีความสุข ถ้าเลี่ยงมันไม่ได้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข ข้ามผ่านมันไปได้อย่างมีสติ หันกับมามองมันอย่างคนที่แข็งแกร่ง
วิธีมองโรคในแง่ดี
• ถ้าคุณเป็นหวัดวันนี้ คุณจะไม่มีวันเป็นหวัดจากไวรัสตัวนี้อีกเลยตลอดชีวิต(ตัวอื่นไม่เกี่ยว)
• ถ้าคุณเป็นโรคแปลกใหม่ คุณจะได้ความรู้ใหม่ๆ เก็บไว้บอกเล่าสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้มันเกิดกับคนที่คุณรักหรือเพื่อนคุณได้อีก
• ถ้าท้องเสีย Read More
ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ (riceberry) ได้จากการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 ลักษณะเป็นข้าวเจ้าสีม่วงเข้ม รูปร่างเมล็ดเรียวยาว ข้าวกล้องมีความนุ่มนวลมาก ปลูกได้ตลอดทั้งปี ให้ผลผลิตต่อไร่ปานกลาง ต้านทานต่อโรคไหม้ แต่ไม่ต้านทานโรคหลาว จึงต้องเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ทุกรอบฤดูปลูก
อีกข้อจำกัดคือ เป็นข้าวที่ต้องการเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยปลูกแบบเกษตรอินทรีย์และต้องมีสภาพอากาศเย็น เพื่อสร้างสีเมล็ดลักษณะประจำพันธุ์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ความสูงของต้น 105-110 ซม. อายุเก็บเกี่ยว 130 วัน ผลผลิต 300-500 กก.ต่อไร่
คุณสมบัติเด่นทางด้านโภชนาการ คือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ เบต้าแคโรทีน แกมมาโอไรซานอล วิตามินอี แทนนิน สังกะสี และโฟเลตสูง มีดัชนีน้ำตาลต่ำ-ปานกลาง
สารอาหารสำคัญที่อยู่ในข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ ประกอบด้วย
โอเมก้า 3 มีอยู่ 25.51 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม กรดไขมันจำเป็น มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง ตับและระบบประสาท ลดระดับคอเลสเตอรอล
ธาตุสังกะสี 31.9 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ช่วยสังเคราะห์โปรตีน สร้างคอลลาเจน รักษาสิว ป้องกันผมร่วง กระตุ้นรากผม
ธาตุเหล็ก 13-18 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สร้างและจ่ายพลังงานในร่างกาย เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง และเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ออกซิเจนในร่างกาย และสมอง
วิตามินอี 678 ug ต่อ 100 กรัม ชะลอความแก่ ผิวพรรณสดใส ลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ ทำให้ปอดทำงานดีขึ้น
วิตามินบี 1 มี 0.42 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จำเป็นต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อย ป้องกันโรคเหน็บชา
เบต้าแคโรทีน (สารตั้งต้นของวิตามินเอ) 63 ug ต่อ 100 กรัม ชะลอความแก่ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง บำรุงสายตา
ลูทีน 84 ug ต่อ 100 กรัม ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม บำรุงการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงตา
โพลิฟีนอล 113.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ทำลายฤทธิ์ของอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
แทนนิน 89.33 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แก้ท้องร่วง แก้บิด สมานแผล แผลเปื่อย
แกมมา Read More
ข้าวกล้อง กับ ข้าวขัดข้าว
รู้มั้ย! ทุกๆ วันที่เรากินกันแต่ข้าวขาว หรือข้าวที่ถูกขัดสีให้ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ เราแทบจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากมันเลย ที่จะเป็นประโยชน์บ้างก็คือ อิ่มท้อง ในด้านสุขศึกษาก็เห็นจะมีแค่ แป้ง ซึ่งจะกลายเป็นคาร์โบไฮเดตหรือน้ำตาลเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ถ้าร่างกายใช้ไม่หมดก็จะถูกสะสมเป็นน้ำตาลในเลือด เยอะหน่อยก็จะกลายเป็น”เบาหวาน” นอกนั้นก็จะมีกากใยไฟเบอร์บ้างพอจะช่วยเราในการขับถ่ายได้บ้าง ผู้ใหญ่ถึงในเรากินผักเข้าไปด้วยงัยหล่ะ ตรงกันข้ามกับคนโบราณที่มีร่างกายกำยำแข็งแรง อายุยืนยาว(ถ้าไม่เป็นโรคระบาดตายเสียก่อน) เพราะคนโบราณเหล่านั้นกิน ข้าวกล้อง และข้าวซ้อมมือนั่นเอง แล้วทำไมเราไม่หันมากินข้าวกล้องกันหล่ะ?
ข้าวกล้อง คือ กระบวนการสีข้าวนะ ไม่ใช่สายพันธุ์ข้าว หลายคนเข้าใจผิด กล่าวคือ เมื่อข้าวเปลือกถูดขัดสี 1 ครั้ง นั่นคือการกระเทาะเปลือกออกเท่านั้น เราจะได้ข้าวกล้อง แต่ถ้าถูกขัดอีกหน่อย 3-4 ครั้ง เหมือนถูกตำข้าวหลายครั้งแบบโบราณ จะกลายเป็นข้าวซ้อมมือ หากถูกขัดสีเอาสีสันของมันออกจนหมด มันจะกลายเป็นข้าวขาวที่คุณคุณปริโภคอยู่ทุกวัน จนไม่รู้ว่าแท้ที่จริงมันเป็นข้าวสีอะไร ข้าวกล้องเป็นได้ทุกสายพันธุ์ เพราะมันไม่ใช้สายพันธุ์ เช่น ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมนิลล้าน ข้าวเหนียวกล้องก่ำดอย หรือข้าวกล้องงอกหอมมะลิแดง
คุณประโยชน์ของ ข้าวกล้อง
มีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในข้าวกล้องรวมกัน 20 กว่าชนิด ทำให้การทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ เช่นs
· วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลีย แขน ขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ
โรคผิวหนังบางชนิด บำรุงสมอง ทำให้เจริญอาหาร
· วิตามินบี 1 หากกินเป็นประจำป้องกันโรคเหน็บชาได้
· วิตามินบี 2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก
· ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
· แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว
ถ้าอยากกินข้าวกล้อง ลองกดดู ที่นี่
ถ้าเป็นลูกค้าซ็อปปี้ ก็กดซื้อที่ลิ้งค์นี้ Shopee