ตี่บ้านไร่ต้นฝัน ปลูกข้าวอินทรีย์ มาเมิน(นาน)แล้ว ขั้นตอนเริ่ม ปลูกข้าว เฮาจะกันที่แปลงเล็กๆ ผืนหนึ่ง ทางภาคเหนือเฮาฮ้องว่า “ตะกล้าข้าว” ก็คือแปลงเพาะต้นกล้าข้าวนั่นแหละเจ้า เฮาหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวที่แช่น้ำจนงอกแล้วลงไปในแปลง รอจนข้าวเติบโตจนเป็นต้นกล้า พอต้นกล้าโตได้สักเดือนหนึ่ง เฮาก็จะถอนกล้า เรียกว่า “ตกกล้า” เพื่อนำไปดำนา ก่อนเพาะต้นกล้า เฮาบ่ได้ฉีดยาฆ่าหญ้าเน้อ ใช้เครื่องตัดหญ้าแล้วไถกลบ
เมล็ดพันธุ์ข้าว ก็เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เฮาเก็บไว้ใช้เอง เป็นเมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคจากฤดูกาลที่แล้ว บ่ได้คลุกยาเคมีกันแมลงใดใดทั้งสิ้น
เรื่องปุ๋ย เฮาก็ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ บ่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีเด็ดขาด ข้าวของเฮาเลยเป็นข้าวออร์แกนิคตั้งแต่กำเนิดเลย
ลงแขกดำนา
การลงแขกดำนาคือการร่วมแรงของเพื่อนชาวนามาช่วยกันดำนา เสร็จจากนาคนนี้ ก็ไปช่วยกันนาคนโน้นเป็นประเพณีที่สวยงามของชาวนาไทย แต่เดี๋ยวนี้ก็จึดจางลงไปบ้าง คือต้องมีการจ่ายค่าจ้างบางคนที่ไม่ได้ทำนาของตัวเอง แต่ประสงค์จะรับจ้างทำนาเพื่อเป็นรายได้ไปเลียงครอบครัว ก็เป็นวิถีชีวิตหนึ่งของเกษตรกรแถวๆ บ้านไร่ต้นฝันของเฮา
เฮาจะมัดกล้าข้าวเป็นมัดๆ แล้วโยนมัดกล้าไปไว้ในนาเป็นระยะๆ เพื่อให้หน่วยดำนาถอยมาหยิบแล้วปักดำต่อ ไม่ต้องลำบากขึ้นจากโคลนในแปลงนาเพื่อมาหยิบให้เสียเวลา และเสียพลังงาน
พอเย็นย่ำผืนนาบ้านไร่ต้นฝันก็เต็มไปด้วยต้นกล้าข้าวที่ยืนต้น ท้าแดดท้าฝน รอวันเติบโต ออกรวงให้ข้าวแก่เรา
ลองเข้าไปดูข้าวของเฮาได้ ที่นี่
หรือสะดวกซ็อปที่ Shopee ก็กดลิ้งค์ที่ Shopee ได้เลยเจ้า
ทุกวันนี้ข้าวถุงที่เรากินกันทุกๆ มื้อนั้น คุณค่าทางอาหารน้อยลงไปเรื่อยๆ แถมอาจจะทำให้เราเป็นโรคเพิ่มขึ้นได้ด้วยนะ เคยได้ยินนักวิชาการทางด้านสุขภาพตั้งข้อสังเกตว่า “คนไทยเราป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตมากขึ้น” ซึ่งก็จริง แต่หลายท่านยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า “ทั้ง 2 โรคนี้ มาพร้อมกับการกำเนิดของโรงสีข้าว”
ลองคิดดูสิ เรากินข้าวกันทุกวัน วันละ 3 มื้อ กินติดต่อกันมาตั้งแต่เกิด ข้าวที่เรากินกันเป็นข้าวขาว ซึ่งเป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการสีข้าวจนขาว ไม่ว่าจะเป็นข้าวพันธุ์อะไรก็เป็นสีขาวเหมือนกันหมด ข้าวหอมมะลิสีขาว ข้าวเส้าไห้สีขาวฯ จริงอยู่…ข้าวขาวดูดีสะอาดตา หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่าสะอาดดี แต่จริงๆ แล้วข้าวขาวที่เรากินกันนั้นมีแต่แป้งทั้งนั้น จะมีกากใยบ้างก็เล็กน้อยเต็มที ตามความรู้เดิมๆ ที่เราเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมก็คือ แป้ง เมื่อถูกย่อยจะกลายเป็นน้ำตาล ในกระเพาะอาหารเราก็ย่อยข้าวขาวที่มีแต่แป้งให้กลายเป็นน้ำตาล ดังนั้นร่างกายเราก็ดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เป็นอย่างนี้ทุกวันๆ ละ 3 เวลาหลังอาหาร เมื่อมีน้ำตาลในเลือดเยอะคุณคงเดาออกว่าจะเป็นโรคอะไร ใช่แล้วครับ “เบาหวาน” และมันมักจะมาพร้อมกับความดันโลหิตสูงซะด้วย
อีกเรื่องหนึ่งดูเหมือนเราจะเลี่ยงไม่ได้คือข้าวในเมืองไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกในเชิงอุตสาหกรรม ดังนั้นกระบวนการปลูกก็จะใช้สารเคมีเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มสารอาหารในดินก่อนปลูก และใส่ปุ๋ยเคมีระหว่างที่ข้าวเจริญเติบโต พ่นสารเคมีป้องกันแมลงบางอย่าง แต่ถ้ามีแมลงอีกอย่างเข้ามา ก็ต้องพ่นสารเคมีกำจัดแมลงตัวนั้นอีก หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวมาแล้วเมื่อขายเข้าโรงสีข้าว โรงสีก็ไม่ได้สีข้าวซะทีเดียว ข้าวเปลือกก็จะถูกเก็บเอาไว้ในโกดังก่อน การเก็บข้าวเปลือกในโกดังนั้นก็ต้องรมสารเคมีกันมอดกันแมลงอีก ในขั้นตอนการสีข้าวให้ขาวคุณประโยชน์ของข้าวถูกขัดออกไปหมด ทั้งวิตามิน B1 B2 Bรวม โปรตีน(ข้าวก็มีโปรตีนนะจ๊ะ) และเกลือแร่อีกหลายชนิด เหลือแต่แป้งไว้ให้เรากิน…น่าเศร้าจัง แต่ยังเศร้ากว่านั้นอีก คือหลังสีข้าวให้ขาวแล้วโรงสีก็ต้องส่งไปเก็บรอการบรรจุถุงขาย ตอนเก็บข้าวขาวนี้ก็ต้องรมสารเคมีป้องกันมอดและแมลงอีกที ลองกลับไปนับในย่อหน้านี้ดูสิครับว่ามีสารเคมีเข้ามาในกระบวนการทำข้าวมากแค่ไหน ข้าวขาวที่เรากินกันทุกวันนี้คือข้าวที่ตายแล้ว ตายแล้วตายอีกหลายรอบกว่าจะมาถึงเรา อิจฉาคนสมัยก่อนที่ได้กินข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือที่ตำกินเอง ปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีอย่างสิ้นเชิง เรียกว่า “ข้าวกล้องอินทรีย์ฆ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ คือข้าวที่ยังมีชีวิต ถ้าโปรยลงบนดินก็สามารถงอกขึ้นมาเป็นต้นข้าวได้ สังเกตดูสิครับคนรุ่นทวดเราจะเป็นคนที่อายุยืนมากๆ แต่รุ่นปู่ย่าตายายเรานี่ไม่ค่อยยืนเท่า
จะว่าไป เดี๋ยวก็ถือว่าโชคดีของเราเหมือนกันที่มีคนหันไปผลิตข้าวกล้องอินทรีย์ ตามวิถีเกษตรอินทรีย์(Organic) ไม่ใช้สารเคมีใดทั้งสิ้นมากขึ้น ทำให้คนกินข้าวอย่างเราๆ มีทางเลือกเพิ่มขึ้น…เลือกกันให้ถูกทางนะ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
ด้วยความปรารถนาดีจาก บ้านไร่ต้นฝัน
คงจำกันได้ในชั่วโมงเรียนสุขศึกษา วิตามินบี ป้องกันโรคปากนกกระจอก วิตาบี มีมากในข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ แล้วไอ้โรคปากนกกระจอกเป็นอย่างไรหรือ โปรดอ่านบรรทัดต่อไป
โรคปากนกกระจอก มีลักษณะเป็นวงกลมขาว ๆ ขนาดเล็ก หรือเจ็บรอบ ๆ บริเวณที่เป็น ไม่มีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น คนที่มีน้ำลายมากกว่าปกติ ริมฝีปากแห้งและชอบเลียปากจนติดเป็นนิสัย อาจเป็นสัญญาณบอกว่าคุณเป็นโรค “ปากนกกระจอก” แล้ว ในผู้ที่ขาดวิตามินรวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันหรือใส่ฟันปลอม ทำให้รูปปากผิดปกติ เกิดการกดทับที่มุมปากกลายเป็นจุดอับชื้น เมื่อเหงื่อหรือน้ำลายมาอบบริเวณนั้นมากขึ้น ก็จะเกิดเป็นแผลที่มุมปาก และสุดท้ายอาจจะมีการติดเชื้อบางชนิดอย่างเช่นเชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงเชื้อไวรัสอย่างเริมได้ วิธีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดโรคปากนกกระจอกขึ้นกับตัวเอง…ทำได้ เพียงต้องหมั่นทำความสะอาดปากและฟัน ด้วยการแปรงฟัน บ้วนปากให้สะอาดหลังทานอาหารอยู่เสมอ และควรเช็ดมุมปากให้แห้งอยู่ตลอดเวลา
วิธีขั้นต่อมาก็ รักษาความสะอาดของเครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ตลอดจนผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เป็นประจำ ที่สำคัญต้องดื่มน้ำมาก ๆ ลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และต้องเลิกนิสัยชอบเลียมุมปาก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลมุมปากได้ ที่ขาดไม่ได้ คือหมั่นทาปากด้วยลิปปาล์ม หรือขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เพราะวิตามินอีจะช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นตัวดีขึ้นด้วย และที่สำคัญ ควรทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งพบมากในข้าวกล้อง ปลา ผักใบเขียว สำหรับธาตุเหล็กพบมากในข้าวกล้องอีกเช่นกัน รวมทั้งธัญพืช และถั่วชนิดต่าง
ทำไม่ยาก หากทำได้ “โรคปากนกกระจอก” ก็จะไม่มาทำให้เราได้กังวลใจอีกเป็นแน่
เมล็ดข้าวทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี จะมีส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในเมล็ดพืช เรียกว่าจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่จะงอกออกไปเป็นต้นใหม่
ประโยชน์ของจมูกข้าวคือ
เป็นแหล่งโปรตีน ต้นข้าวต้นใหม่จะงอกได้ก็ต้องอาศัยโปรตีนจากจมูกข้าวนี่แหละ มนุษย์ที่กินจมูกข้าวก็เลยไดประโยชน์ส่วนนี้ไปโดยปริยาย
จมูกข้าวยังอุดมด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ จะช่วยชะลอความชรา ป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันอัมพาต
อุดมด้วยสารเส้นใย ช่วยในการขับถ่าย รักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ และป้องกันมะเร็งลำไส้
มีเกลือแร่เซเลเนียม ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการของวัยหมดประจำเดือน จึงเหมาะมากสำหรับผู้หญิงวัยกลางคน
มีสังกะสีมาก ซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ชาย เพราะหากผู้ชายคนไหนขาดสังกะสีจะทำให้ต่อมลูกหมากโต
จมูกข้าวจึงป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
วันนี้จะแนะนำให้กินจมูกข้าว ว่าเอามาทำอะไร กินได้บ้างนอกจากเอามาโรยข้าว แต่ที่สำคัญกว่าคือจะต้องเลือกจมูกข้าวที่ใหม่
ไม่มีกลิ่นหืน เพราะความหืนที่ว่ามาจากน้ำมันในจมูกข้าวถูกออกซิไดซ์ โดยทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
จะทำให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่า เวลาซื้อจมูกข้าวสาลีจึงต้องเลือกใหม่ ๆ ถามคนขายก็ได้
คนขายที่รักสุขภาพน่าจะบอกความจริงแก่ลูกค้าว่าอันไหนใหม่ อันไหนเก่าเก็บ ถ้าเลือกแบบบรรจุในถุงสุญญากาศก็จะเสี่ยงต่อความหืนน้อยกว่า
มองโรคในแง่ดี
ออร์แกนิคในหัวใจ #1
ลองกลับไปอ่านชื่อเรื่องอีกทีครับ! คุณไม่อ่านผิดและผมก็ไม่ได้เขียนผิดหรอกครับ ผมแค่อยากให้พวกเรามองด้านดีของ
เรื่องร้ายๆ กันสักหน่อย เพราะทุกๆ เรื่องมีด้านที่ดีเสมอ ก่อนที่ผมจะมองโรคในแง่ดี ผมอยากเล่าด้านร้ายให้พวกเราได้
ตระหนักกันก่อน
ผมผ่านเรื่องร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตของผมมาแล้ว… “ไตวาย” ภัยเงียบที่มาโดยผมไม่รู้ตัว (อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายนักนะครับ) ผมเป็นคนที่แข็งแรงมาก ปีหนึ่งปวดหัวตัวร้อนครั้งสองครั้งไม่เกินนั้น มีอยู่วันหนึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วผมเกิดอาเจียนไม่หยุดตั้งแต่เช้าจนเย็น เมื่อสรุปได้เองว่าอาการที่เกิดไม่ใช่อาหารเป็นพิษหรือโรคอื่นที่เคยเป็นแน่นอน ผมก็ตรงดิ่งไปหาหมอ หลังจากคุณหมอตรวจทั้งโดยการสังเกตอาการ สอบถามประวัติและเจาะเลือดตรวจ คุณหมอบอกผมว่า
หมอ: “อาการของคุณคือ ไตวายเรื้อรัง”
ผมอึ้งไปพักใหญ่และถามคุณหมอว่า
ผม: “แล้วไตเอ๊กซ์และไตแซดเป็นยังงัยครับหมอ”…(บรรทัดนี้ล้อเล่นครับ ขำ ขำ)
ผมถามจริง: “ไตวาย มันเป็นยังงัยครับหมอ”
หมอ: “ไตวายมี 2 ประเภท มีไตวายเฉียบพลัน กับไตวายเรื้อรัง ของคุณเป็นไตวายเรื้อรังระดับ 4 ครับ”
ผม: “แล้วมันมีกี่ระดับครับหมอ”
หมอ: “4 ระดับ”…
ผม: อึ้ง!
หมอ: “สำหรับคุณยังไม่ต้องฟอกไต แต่ต้องควบคุมเรื่องอาหารอย่างเคร่งครัด”
ผม: “ถ้างั้นผมจะกินอย่างชีวจิต ผมก็คงอยู่โดยไม่ต้องฟอกไตได้อีกนานใช่ไหมครับ”
หมอ: “อืม…ม…”(ไม่ตอบ) …”ขั้นต่อไปหมอขอเจาะไตของคุณเพื่อดูเนื้อไตอย่างละเอียดหน่อยนะครับ แล้วคุณมีไวรัสตับอักเสบบี คงต้องเจาะตับดูภาวะเสี่ยงอีกด้วยครับ”
ผม: “เหรอ…ครับ”
หลังจากกินแบบชีวจิตอย่างเคร่งครัดเพื่อนหลายคนเป็นพยานได้ ผมก็ทนได้แค่ 3 เดือน ผมต้องเข้ากระบวนการฟอกไต นอนฟอกครั้งละ 4 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งเป็นระยะที่ครอบครัวผมร่วมวางแผนเปลี่ยนไตให้ผม โดยมีน้องชายและน้องสาวทั้งสองของผมยินดีสละไตให้ผมหนึ่งข้าง… วันปีใหม่ปี 2550 ของขวัญปีใหม่ในปีนั้นของผมคือ ไตที่สมบูรณ์ของน้องชายผม ทุกวันนี้น้องชายผมสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนผมก็ใช้ชีวิตอย่างมีสุข รู้ค่าทุกนาทีของการมีชีวิตอยู่ เรียนรู้ที่จะอยู่กับยากดภูมิตลอดชีวิตเพื่อไม่ให้ร่างกายปฏิเสธไตของน้องชาย ตรงไปตรงมากับตัวเอง รีบทำสิ่งที่คิด ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่ยึดติดกับสิ่งสมมติมากเกินไป ดีต่อคนรอบข้าง ดีต่อเพื่อนร่วมงาน…ผมมีความสุขดี…มาก
ทำไม่ผมถึงอยากให้คุณมองโรคในแง่ดีเหรอครับ เพราะผมอยากให้คุณมีความสุข ถ้าเลี่ยงมันไม่ได้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุข ข้ามผ่านมันไปได้อย่างมีสติ หันกับมามองมันอย่างคนที่แข็งแกร่ง
วิธีมองโรคในแง่ดี
• ถ้าคุณเป็นหวัดวันนี้ คุณจะไม่มีวันเป็นหวัดจากไวรัสตัวนี้อีกเลยตลอดชีวิต(ตัวอื่นไม่เกี่ยว)
• ถ้าคุณเป็นโรคแปลกใหม่ คุณจะได้ความรู้ใหม่ๆ เก็บไว้บอกเล่าสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้มันเกิดกับคนที่คุณรักหรือเพื่อนคุณได้อีก
• ถ้าท้องเสีย Read More