11
Mar
ตะปูแห่งความโกรธ
ออร์แกนิคในหัวใจ #2
เรื่องสั้นเกี่ยวกับ ความโกรธ ที่สร้างความสั่นสะเทือนในหัวใจให้คนอ่านได้อย่างสูง อ่านแล้วไม่มีวันลืม เก็บไว้สอนลูกหลานได้ ในภาวะปัจจุบันที่คนเรามีความอดทนต่ำ หัวร้อนเร็วจัด ความเห็นอกเห็นใจน้อยลงกว่าเมื่อก่อนมาก
——————————————————————————————–
เด็กคนหนึ่งกลับบ้านมาพร้อมรอยฟกช้ำดำเขียวที่ใบหน้าและสีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของเขาก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเขา เพราะรู้จักนิสัยลูกของเขาดี ที่หงุดหงิดง่าย โดยเฉพาะการพูดจาต่อว่า ทำร้ายจิตใจผู้อื่นเป็นประจำ ทางโรงเรียนก็เชิญไปผู้ปกครองไปพบหลายครั้ง
วันนี้พ่อของเขาไม่ทำโทษ ไม่ต่อว่าเด็กน้อยสักคำ แต่ให้ตะปูกับเขา 1 ถุง พร้อมบอกให้เขาสัญญาว่า ”ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโหหรือโกรธใครสักคน หรือพูดจากทำร้ายใคร 1 ครั้ง ต้องตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วไม้ที่หลังบ้าน โกรธหรือพูดทำร้ายใคร 1 ครั้ง ให้ตอก 1 ตัว ถ้าโกรธหรือพูดทำร้ายใคร 10 ครั้ง ให้ตอกตะปู 10 ตัว”
วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว เขาเหนื่อยและเจ็บมือมากแต่ละวันที่ผ่านไป เด็กน้อยก็ค่อย ๆ ลดจำนวนการตอกตะปูน้อยลงเรื่อย ๆ น้อยลง และน้อยลง เพราะเขารู้สึกว่า การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
และแล้ว…หลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้น ใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ และบอกกับพ่อของเขาว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่หัวร้อน โกรธ มุทะลุและพูดจาทำร้ายคนอื่นๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว พ่อยิ้มและบอกกับลูกชายว่า ”ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ลูกต้องพิสูจน์ให้พ่อดู โดยทุกๆ ครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้ ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง”
ในวันต่อๆ มา วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยก็ค่อยๆ ถอนตะปูออก ทีละตัว จาก 1 เป็น 2 …จาก 2 เป็น 3 จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก…จนหมด เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อว่า“ผมทำได้แล้วครับ ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ” พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้านและบอกกับลูกว่า “ลูกทำได้ดีมาก แต่ลูกลองมองที่รั้วเหล่านั้นสิ ลูกเห็นหรือเปล่าว่า รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น”…..“จำไว้นะลูก เมื่อใดก็ตามที่ลูกโกรธ โมโห พูดจาทำร้ายคนอื่น หรือทำอะไรไม่ดีๆ ลงไป โดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล เหมือนกับการเอาตะปูตอกเข้าไปในใจของคนๆ นั้น รวมทั้งในใจของลูกเอง ต่อให้ลูกพูด “ขอโทษ” สักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ มันก็เหมือนกับตะปูที่ลูกตอกไปที่รั้วนั้น แม้ลูกจะถอนมันออมมาแล้ว มันจะยังคงมีร่องรอยให้คงอยู่ไปตลอดกาล”
…………………………………………………
ทุกวันนี้เด็กๆ มักพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่ ลูกๆ ที่โตแล้วก็พูดจากต่อว่าพ่อแม่ที่แก่เฒ่าเป็นประจำ
พ่อแม่ที่ไม่มีหลักการแนวทางเลี้ยงลูก ก็มักจะพูดจาแรงๆ โกรธโมโหลูกๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อลูกไม่ตอบสนองคำพูดหรือสิ่งที่ตัวเองต้องการได้เร็วทันใจ
เพื่อนพูดจาทำร้ายเพื่อนด้วยกัน แคร์ความรู้สึกกันน้อยลง
สามี ภรรยา ยุคใหม่ต่างคนต่างทำงาน มักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เอาชนะกันและกัน
คำพูดที่เราพูดไปมันไม่เคยเอากลับคืนมาได้
คำพูดแรงๆ ที่ทำร้ายจิตใจกัน ไม่สามารถทำให้จางหายได้ด้วยคำว่า”ขอโทษ”
มันจะทิ้งร่องรอยในจิตใจไม่มากก็น้อย เหมือนรอยตะปู
คนที่ยกโทษให้กับเรา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกเจ็บ
แต่ที่เขายกโทษให้กับเราได้เสมอ แสดงว่าเขาคือเพื่อนดี คือครอบครัวที่รักเรา
ที่เราควรรักษาไว้ ควรรักษาน้ำใจกันและกันให้คงอยู่เสมอๆ
เครดิต: ต้องขอบคุณและขอโทษผู้เขียน ที่ไม่ทราบที่มาจึงลงเครดิตไม่ได้