คลื่นซึนามิดิจิตอลเปลี่ยนโลก
โลกยุคดิจิตอล “น่ากลัว” กว่าที่คิด !!! เปรียบเหมือน “คลื่นยักษ์” ที่ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า แถมเป็นคลื่นซึนามิที่เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์เปลี่ยนชีวิตเราอย่างรุนแรงอย่างรวดเร็วไปเรื่อยๆไม่หยุดยั้งง่ายๆ
คลื่นลูกนี้ได้เข้ามา”พลิกโลก”(ทำลายล้าง) ธุรกิจฟิล์มถ่ายรูปแล้ว ต่อมาก็ทำลายล้างธุรกิจเทปซีดี ตอนนี้กำลังทำลายล้างธุรกิจทีวีและธุรกิจสิ่งพิมพ์ (ปัจจุบัน คนแทบไม่ดูทีวี คนอ่านหนังสือน้อยลงมาก หันไปเล่นสมาร์ทโฟนกันหมด) ต่อไป คลื่นลูกนี้กำลังมุ่งสู่ธุรกิจการเงินการธนนคาร โดยสาขาของธนาคารหลายแห่งจะปิดตัว หรือควบรวมกิจการ หันเป็นใช้ธนาคารบนมือถึอ และกระเป๋าเงินออนไลน์
เปลี่ยนให้ห้างสรรพสินค้าจะเป็นเหมือนโชว์รูม คือคนไปเดินดูสินค้า แต่ไม่ซื้อ หรือไปกินอาหารเฉยๆ แล้วกลับมาซื้อผ่านออนไลน์ที่ถูกกว่า 20-30% แล้วก็มี Kerry เอาสินค้ามาส่งถึงบ้าน
ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่ “รอคิว” ที่จะถูกทำลายล้างอยู่ โดยภายในอีกไม่กี่ปี ตำแหน่งงานที่เคยทำกันทุกประเทศรวมทั้งในไทยจะหายไปหลายล้านตำแหน่ง แต่ก็จะเกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ ที่เราไม่เคยรู้จักขึ้นมาเหมือนกัน
แล้วเราถามตัวเองหรือยังว่า “ตัวเราล่ะ” เตรียมพร้อมที่จะรับคลื่นลูกนี้หรือยัง? เตรียมพร้อมเพื่อรับแรงกระแทกจากคลื่นดิจิตอล คลื่นยักษ์ที่จะทำลายล้างทุกสิ่ง “คนที่พัฒนาและปรับตัว” อยู่เสมอเท่านั้นจะอยู่ได้สบาย ลองอ่านบทความต่อนะ ..
โลกเปลี่ยน…คนเป็นครูต้องตีลังกากลับหัว คิดสอนแบบเดิมไม่ได้แล้ว! ตรงกับบทความในหนังสือ “This is a กู” ว่า..โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยนหลายอย่าง ตอนนี้มันตีลังกากลับหัวหมด กลับหัวจนคนไทยงงและตามไม่ทัน
เมื่อก่อนธุรกิจที่มั่นคง น่าเชื่อถือ ต้องมีโรงงาน มีสำนักงาน มีบุคลากรเยอะๆ แต่สมัยนี้ ยิ่งน้อยยิ่งดี แต่น้อยอย่างมีประสิทธิภาพ คนน้อย กำไรเยอะ ค่าตอบแทนสูง มันกลับหัวไปหมดจากอดีต
Apple ไม่เคยมีโรงงานผลิตของตัวเอง แต่ครองตลาดอันดับ 1 ของโลก เพราะจ้างผลิตล้วนๆ กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี
Facebook, Google มีรายได้มหาศาลจากโฆษณา โดยไม่มีพนักงานขายโฆษณาเลยสักคน เพราะใช้พาร์ทเนอร์ และให้ลูกค้าทำเองได้ กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี

วันนี้ไม่เพียงแต่ตัวอย่างข้างต้น แต่เราจะเห็นโมเดลธุรกิจแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เรื่องจริง ไม่ได้ล้อเล่น! ไม่เชื่อ ดูข้อมูลต่อไปนี
GRAB เป็นบริษัทแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่มีรถของตัวเองสักคัน
Alibaba เป็นแหล่งค้าปลีกออนไลน์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก แต่ไม่เคยมีสินค้าและสต็อกสินค้าเลยสักชิ้น
Airbnb ผู้จัดหาห้องพักใหญ่ที่สุดในโลก แต่ไม่มีห้องพักของตัวเองเลยแม้แต่ห้องเดียว
นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยน หลายอย่าง มันตีลังกากลับหัวหมด คุณตามการเปลี่ยนแปลงทันนะครับ...
“ร้านค้าอยู่บนอากาศ สาขาคือมนุษย์ทุกๆคน”
ชีวิตในอนาคต
โลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร? ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร?
ในปี 1998 บริษัทโกดักมีพนักงาน 170,000 คนและมียอดขาย 85% ของกระดาษภาพถ่ายทั่วโลก แต่ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี รูปแบบธุรกิจของพวกเขาหายไป และต้องประสบกับภาวะล้มละลาย
สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทโกดักจะเกิดขึ้นอีกกับอีกหลายอุตสาหกรรมใน 10 ปีข้างหน้า และคนส่วนใหญ่จะยังมองไม่เห็น
จะมีใครในปี 1998 ที่คาดคิดบ้างว่าอีก 3 ปีต่อมาคุณจะไม่ถ่ายภาพบนแผ่นฟิล์มกระดาษอีกต่อไป กล้องดิจิตอลอันแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1975 มีความละเอียดเพียง 10,000 พิกเซล
ตามกฎของมัวร์ เทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่สร้างความผิดหวังในตอนแรกและใช้เวลานานก่อนที่มันจะกลายเป็นความสำเร็จและเป็นวิธีที่ดีกว่าในเวลาอันรวดเร็ว
มันจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์), สุขภาพ, รถยนต์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, การศึกษา, เครื่องพิมพ์ 3 มิติ, การเกษตรและการจ้างงาน
ขอต้อนรับเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 และต้อนรับสู่ยุคทวีคูณ
(1) ซอฟท์แวร์จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมากที่สุดใน อีก 5-10 ปีข้างหน้า Uber, Grab และแอพเรียกแท็กซี่ต่างๆ ที่เป็นเพียงซอฟท์แวร์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ใดๆ แต่จะกลายเป็นบริษัทรถแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัท Airbnb, Agoda จะเป็นบริษัท โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินใดๆเลย คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์) จะฉลาดขึ้นเป็นทวีคูณและมีความเข้าใจโลกดีกว่ามนุษย์ ในปีนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในการเล่นเกมหมากรุกโกะ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ถึง 10 ปี
(2) ในสหรัฐอเมริกา ทนายความที่จบใหม่เริ่มตกงาน เพราะคอมพิวเตอร์ IBM Watson, สามารถให้คำแนะนำด้านกฎหมายพื้นฐานได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและมีความแม่นยำถึง 90% เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีความแม่นยำเพียง 70% ดังนั้นถ้าคุณกำลังเรียนกฎหมายอยู่ก็เลิกได้เลย เพราะในอนาคต อาชีพทนายจะหายไปกว่า 90% เหลือแต่ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายเฉพาะด้านเท่านั้น
(3) ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ชือ”วัตสัน” ได้เข้ามามีส่วนช่วยพยาบาลในการวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ถึง 4 เท่า
(4) Facebook ขณะนี้มีซอฟท์แวร์ในการจดจำรูปแบบใบหน้ามนุษย์ที่เหนือกว่าคน ในปี 2030 คอมพิวเตอร์จะเริ่มฉลาดกว่ามนุษย์
(5) รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติคันแรกจะเผยโฉมต่อสาธารณชนในปี 2018.. ประมาณปี 2020 อุตสาหกรรมรถยนต์จะล่มสลาย ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมีรถยนต์ส่วนตัวอีกต่อไป เพราะเพียงแค่คุณโทรศัทพ์เรียก รถแท็กซี่ก็จะมารับคุณในตำแหน่งที่คุณเรียกและส่งคุณไปยังจุดหมายปลายทาง โดยคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าที่จอดรถ จ่ายเฉพาะค่ามิเตอร์และยังสามารถทำงานไปด้วยในขณะเดินทางอีก ลูกๆ ของเราก็ไม่จำเป็นต้องสอบใบขับขี่หรือซื้อรถยนต์
(5) ตัวเมืองจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะรถยนต์จะหายไปจากท้องถนน 90-95% เราสามารถเปลี่ยนพื้นที่จอดรถให้กลายเป็นสวนสาธารณะได้ อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกปีละ 1.2 ล้านคนก็จะลดลง รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะช่วยลดอุบัติเหตุทางจราจรจากหนี่งรายต่อทุก 1 แสน กม. เหลือเพียงหนึ่งรายต่อทุก 10 ล้าน กม. ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตมนุษย์ได้ปีละนับล้านคน
(6) บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่จะประสบกับการล้มละลาย บริษัทรถยนต์ที่อนุรักษ์นิยมจะเพียงแค่พยายามพัฒนารถยนต์ของตนให้ดีขึ้น ในขณะที่บริษัท TECH (Tesla, Apple, Google) จะปฏิวัติการสร้างรถยนต์โดยใส่คอมพิวเตอร์ลงในล้อรถยนต์ คำบอกเล่าจากวิศวกรจากโฟล์คสวาเกนและออดี้ พวกเขากลัวคู่แข่งอย่างเทสล่ามาก
(7) บริษัทประกันภัยจะเกิดปัญหาใหญ่เพราะเมื่อไม่มีอุบัติเหตุ, เบี้ยประกันก็จะถูกลง 100 เท่า รูปแบบธุรกิจประกันภัยรถยนต์จะหายไป
(8) อสังหาริมทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลง ใจกลางเมืองอาจจะเงียบมากในยามเย็นค่ำและในวันหนุด เพราะถ้าคุณสามารถทำงานที่บ้าน ทำงานนอกที่ทำงานหรือทำงานได้ระหว่างการเดินทาง คนก็จะย้ายออกไปอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบนอก ที่มีทัศนียภาพสวยงามกว่ามากขึ้น

(9) รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นรถยนต์กระแสหลักภายในปี 2020 เมืองก็จะมีเสียงดังหนวกหูลดลง เพราะรถทุกคันจะเป็นรถไฟฟ้า มลพิษจากรถยนต์ก็จะรถลง ปั้มน้ำมันจะถูกแทนที่ด้วย”สถานบริการแท่นชาร์จพลังงารไฟฟ้า”ที่มีศูนย์อาหารและแหล่งช็อปปิ้งมาแทน
(10) ราคาค่าไฟฟ้าจะถูกลง และเป็นพลังงานสะอาดอย่างเหลือเชื่อ : การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากใน 30 ปีที่ผ่านมา แต่คุณเพิ่งจะเห็นผลกระทบของมัน ปีที่แล้วมีการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกมากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินฟอสซิล ราคาค่าไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงอย่างมากจนทำให้บริษัทเหมืองแร่ถ่านหินต้องปิดตัวลงในปี 2025
(11) ราคาค่าน้ำประปาที่ถูกลง จะทำให้มีน้ำราคาถูกและน้ำเหลือเฟือจากการเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืด โดยการใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 2kwh ต่อการผลิตน้ำจืดหนึ่งลูกบาศก์เมตร เราจะไม่ขาดแคลนน้ำในสถานที่ส่วนใหญ่อีกต่อไป เพียงแต่อาจขาดแคลนน้ำดื่มเท่านั้น ลองจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าทุกคนสามารถมีน้ำสะอาดให้ใช้ได้เท่าที่ต้องการโดยเกือบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
(12) สุขภาพ : ราคา Tricoder X จะมีการประกาศในปีนี้ จะมีบริษัทที่ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทำงานได้กับโทรศัพท์ของคุณ (ชื่อ “Tricoder” มาจากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek) ซึ่งจะสแกนม่านตาของคุณ พร้อมทั้งตรวจตัวอย่างเลือดและลมหายใจของคุณ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลทางชีวภาพ 54 ตัวที่จะบอกโรคได้เกือบทุกชนิด ด้วยราคาที่แสนถูก ดังนั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ก็จะสามารถเข้าถึงการแพทย์ระดับโลกในราคาเกือบฟรี
(13) การพิมพ์ 3 มิติ : ราคาของเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ถูกที่สุดได้ลดลงจาก 18,000 $ มาเป็น 400 $ ภายในเวลาเพียง 10 ปีและมีความเร็วขึ้นกว่าเดิม 100 เท่า บริษัทรองเท้าใหญ่ๆ ได้เริ่มต้นการผลิตรองเท้าด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมถึงสนามบินที่อยู่ห่างไกลก็เริ่มมีการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว สถานีอวกาศในขณะนี้ก็มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติสำหรับผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เอง เพื่อลดความจำเป็นในการเก็บอะไหล่จำนวนมาก ในปลายปีนี้ สมาร์ทโฟนใหม่จะมีความสามารถในการสแกน 3 มิติ ที่จะทำให้คุณสามารถสแกนเท้าของคุณและพิมพ์รองเท้า 3 มิติที่เหมาะสมกับเท้าของคุณไว้ใส่เองที่บ้านได้ ประเทศจีนในขณะนี้มีการสร้างอาคารสำนักงาน 6 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว ภายในปี 2027 10% ของผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะถูกผลิตโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
(14) โอกาสทางธุรกิจ : ถามตัวคุณเองก่อนว่า “ในอนาคตจะเกิดสิ่งนั้นขึ้นไหม” ถ้าคำตอบคือใช่ คุณจะมีวิธีทำให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ไหม แต่ถ้ามันไม่สามารถจะใช้งานร่วมกับโทรศัพท์ของคุณ ก็จงลืมความคิดนั้นไปได้ เพราะความคิดใดๆ ที่ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จในศตวรรษที่ 20 จะล้มเหลวในศตวรรษที่ 21
(15) ตำเหน่งงาน : 70-80% ของตำแหน่งงานจะหายไปใน 20 ปีข้างหน้า จะมีงานใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ก็อาจจะยังไม่เพียงพอในระยะเวลาที่สั้นเกินไป
(16) การเกษตร: ในอนาคตจะมีหุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับการเกษตรราคาถูกเพียงตัวละ 100 $ เกษตรกรในโลกที่ 3 จะทำงานเป็นผู้จัดการ แทนที่จะทำงานกลางแดดตลอดทั้งวัน การเกษตรแบบ Aeroponics จะใช้น้ำน้อยมาก
(17) เนื้อลูกวัวที่ผลิตในจานเพาะเลี้ยงเซลและเริ่มมีการขายในขณะนี้จะมีราคาถูกลงกว่าเนื้อลูกวัวจริงภายในปี 2018
ปัจจุบัน 30% ของพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมดใช้สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ ในอนาคตพื้นที่เหล่านั้นจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
(18) โปรตีนจากแมลงจะมีการวางตลาดในเร็วๆ นี้ มันมีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ และมันจะถูกติดฉลากว่าเป็น “แหล่งโปรตีนทางเลือก” (เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังคงรังเกียจการกินแมลงเป็นอาหาร)
(19) มีแอปที่เรียกว่า “moodies” ซึ่งสามารถบอกอารมณ์ของคุณได้ในปัจจุบัน แต่ภายในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันที่สามารถบอกการแสดงออกทางใบหน้าของคุณ ว่าคุณกำลังพูดโกหกอยู่ ลองนึกถึงภาพคนดีที่มายืนยันว่า อุปกรณ์ GT 200 ทำงานได้จริง แต่ขณะถูกถ่ายทอด แอปบอกว่าคนคนนี้กำลังตอแหลอยู่
(20) Bitcoin Onecoin Crypto-currency (เงินดิจิตอลที่ใช้ซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต) : จะกลายเป็นสกุลเงินกระแสหลักในปีนี้ และอาจจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองด้วย
(21) อายุวัฒนะ : ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้น 3 เดือนทุกปี 4 ปีที่แล้ว อายุเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 79 ปี ปัจจุบันนี้เพิ่มเป็น 80 ปี ภายในปี 2036 เราทุกคนอาจมีชีวิตยืนยาวไปมากกว่า 100 ปี
(22) การศึกษา : ปัจจุบันราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 10 $ ในแอฟริกาและเอเชีย ภายในปี 2020 คนในโลก 70% จะมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ซึ่งหมายความว่า ทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับโลกได้ เด็กทุกคนสามารถใช้ Khan Academy สำหรับเรียนรู้ทุกสิ่งที่เด็กในโรงเรียนของประเทศที่เจริญแล้วเรียนได้ ซอฟท์แวร์นี้ได้เปิดใช้แล้วในอินโดนีเซีย และจะมีเป็นภาษาอาหรับ ภาษาสวาฮิลี และภาษาจีนในฤดูร้อนนี้ สำหรับ App ภาษาอังกฤษจะเปิดให้ใช้ฟรี เพื่อให้เด็กในแอฟริกาได้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในเวลาเพียงครึ่งปี
ดังนั้น ผู้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับอนาคตจึงจะอยู่รอดและได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ลองหันมามองและใช้ชีวิตแบบสมดุล ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราดูสิ ปรับเปลี่ยนชีวิตไปพร้อมๆ กับความเปลี่ยนแปลงของโลกโดยดูตัวตนของเราเป็นหลัก เฝ้าสังเกตตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ใช้ชีวิตในโลกดิจิตอลอย่าง “พอประมาณ” “มีเหตุมีผล” และ “มีภูมคุ้มกัน” ควบคู่ไปกับการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ และไม่ลืมรักษาคุณธรรมประจำใจไว้ให้มั่น เราคนไทยคงผ่านคลื่นซึนามิลูกใหญ่ลูกนี้ไปได้อย่างมีความสุข
Credit: คุณประสิทธิ์ องอาจตระกูล
บทความก่อนหนังสือพิมพ์บ้านเมืองปิดตัว