30
Apr
ปลูกกะหล่ำปลี กันเถอะ! เพราะกะหล่ำปลีมีคุณลักษณะเด่นหลายอย่าง คือ มีคุณค่าทางอาหารสูง รสชาติดี รับประทานได้ทั้งดิบและสุก และมีอายุการเก็บรักษาได้นาน นอกจากคุณลักษณะทางกายภาพแล้ว กะหล่ำปลีเป็นพืชผักที่อุดมไปด้วยวิตามินซี รวมทั้งยังมีสารต่อต้านการก่อตัวของโรคมะเร็งด้วย ซึ่งการรับประทานกะหล่ำปลีดิบทําให้ได้รับวิตามินซีอย่างเต็มที่ เนื่องจากวิตามินซีนั้นสูญเสียได้ง่ายจากการได้รับความร้อน

สมัยก่อนกะหล่ำปลีปลูกได้ดีเฉพาะในฤดูหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ต่อมามีการคิดค้นพันธุ์ทนร้อน ทำให้ในปัจจุบันมีการปลูกกะหล่ำปลีได้ดีในทุกฤดูกาล
พันธุ์กะหล่ำปลีบ้านเรามีหลายพันธุ์ แยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก คือ กะหล่ำปลีธรรมดา เป็นกะหล่ำปลีชนิดนี้มีผู้ปลูกมาก
เนื่องจากพันธุ์นี้เป็นพันธุ์ทนร้อน และมีผู้นิยมบริโภคมากเช่น กัน
มีหลายลักษณะทั้งหัวกลม หัวแป้น หัวแหลมรูปหัวใจ และมีตั้งแต่สีเขียวแก่ไปจนถึงสีเขียวอ่อน
กลุ่มที่สอง คือ กะหล่ำปลีแดง มีลักษณะหัวค่อนข้างกลม มีสีแดงทับทิม ชอบอากาศหนาวเย็นแบบที่สาม
คือ กะหล่ำปลีใบย่น มีลักษณะผิวใบหยิกย่นและเป็นคลื่น ต้องการอากาศหนาวเย็นในการปลูกเช่นกัน
หรือถ้าแบ่งตามอายุการเก็บเกี่ยว พันธุ์หนักมีอายุการเก็บเกี่ยว 90-120 วัน พันธุ์กลางมีอายุ 80-90 วัน และพันธุ์เบาอายุ 60-70
วัน ซึ่งในบ้านเรานิยมปลูกพันธุ์เบามากที่สุด เนื่องจาก
เป็นพันธุ์ที่ไม่ต้องการอากาศหนาวมากนัก
การปลูกกะหล่ำปลีเป็นผักสวนครัว
เพาะกล้าลงกระถางหรือลังต่างๆ ก็ได้ โดยหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในแปลงให้กระจาย
และหว่านดินผสมปุ๋ยคอกลบหน้าบางๆ เสร็จแล้วใช้ฟางข้าวหรือหญ้าคาแห้งคลุมปิดบนแปลงอีกที่หนึ่ง
รดน้ำให้ชุ่ม ในระยะเมล็ดเริ่มงอกควรรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ อย่าให้ขาดน้ำ
เพราะจะทําให้เมล็ดไม่งอก เมื่อกล้าอายุได้ 3-4 สัปดาห์
จึงย้ายไปปลูกในแปลงปลูก แปลงที่จะปลูกขุดดินให้ลึก 30 เซนติเมตร
ตากดิน 7 แดด เมื่อดินแห้งดีแล้วเก็บวัชพืชออกให้หมด
ย่อยดินให้ร่วนซุย ผสมปุ๋ยคอกคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
เตรียมหลุมสําหรับปลูกต้นกล้าระยะห่างระหว่างต้น 40-75 เซนติเมตร ระหว่างแถว 60-70 เซนติเมตร หลังจากย้ายต้นกล้าแล้วในวันรุ่งขึ้นควรทําร่มบังแดดให้ 3-4 วัน โดยใช้กาบกล้วยเสียบหรือใบไม้ต่างๆ กะหล่ำปลีเป็นพืชที่กินอาหารเปลือง จึงควรใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม โดยดูจากการเจริญเติบโตของกะหล่ำปลี กล่าวคือ เมื่อปลูกได้ 15 วัน ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีไนโตรเจนอย่างปุ๋ยขี้ค้างคาว ซึ่งจะช่วยให้ใบงาม ปลูกได้ 30 วัน ใส่ปุ๋ยคอกต้นละ 1 กำมือ ทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยต้องกลบดิน และวันรุ่งขึ้นถึงรดน้ำ อายุของการเก็บเกี่ยวกะหล่ำปลีนั้นขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่เลือกปลูก ถ้าเป็นกะหล่ำปลี ธรรมดาที่เป็นที่นิยมปลูกกันมากในบ้านเรานั้น สามารถเก็บรับประทานได้ประมาณ 50-60 วันหลังการปลูก ถ้าเป็นพันธุ์หนักอายุการเก็บเกี่ยวนานถึง 120 วัน โดยเลือกเก็บหัวแน่นใช้มีดตัดให้มีใบนอกที่หุ้มหัวติดมาด้วย เพื่อที่จะเป็นตัวกันกระแทกไม่ให้หัวกะหล่ำปลีช้ำ
เคล็ดลับในการตัดกะหล่ำปลี เวลาจะรับประทานตัดเอาแต่เฉพาะตรงหัวกลม ออกมา เพราะต้นตอที่เหลือจะแตกแขนงมีหัวใหม่ให้เก็บกินได้อีก