ทุกวันนี้ข้าวถุงที่เรากินกันทุกๆ มื้อนั้น คุณค่าทางอาหารน้อยลงไปเรื่อยๆ แถมอาจจะทำให้เราเป็นโรคเพิ่มขึ้นได้ด้วยนะ เคยได้ยินนักวิชาการทางด้านสุขภาพตั้งข้อสังเกตว่า “คนไทยเราป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตมากขึ้น” ซึ่งก็จริง แต่หลายท่านยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมอีกว่า “ทั้ง 2 โรคนี้ มาพร้อมกับการกำเนิดของโรงสีข้าว”
ลองคิดดูสิ เรากินข้าวกันทุกวัน วันละ 3 มื้อ กินติดต่อกันมาตั้งแต่เกิด ข้าวที่เรากินกันเป็นข้าวขาว ซึ่งเป็นข้าวที่ผ่านกระบวนการสีข้าวจนขาว ไม่ว่าจะเป็นข้าวพันธุ์อะไรก็เป็นสีขาวเหมือนกันหมด ข้าวหอมมะลิสีขาว ข้าวเส้าไห้สีขาวฯ จริงอยู่…ข้าวขาวดูดีสะอาดตา หรืออย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่าสะอาดดี แต่จริงๆ แล้วข้าวขาวที่เรากินกันนั้นมีแต่แป้งทั้งนั้น จะมีกากใยบ้างก็เล็กน้อยเต็มที ตามความรู้เดิมๆ ที่เราเรียนตั้งแต่สมัยมัธยมก็คือ แป้ง เมื่อถูกย่อยจะกลายเป็นน้ำตาล ในกระเพาะอาหารเราก็ย่อยข้าวขาวที่มีแต่แป้งให้กลายเป็นน้ำตาล ดังนั้นร่างกายเราก็ดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด เป็นอย่างนี้ทุกวันๆ ละ 3 เวลาหลังอาหาร เมื่อมีน้ำตาลในเลือดเยอะคุณคงเดาออกว่าจะเป็นโรคอะไร ใช่แล้วครับ “เบาหวาน” และมันมักจะมาพร้อมกับความดันโลหิตสูงซะด้วย
อีกเรื่องหนึ่งดูเหมือนเราจะเลี่ยงไม่ได้คือข้าวในเมืองไทยส่วนใหญ่จะถูกปลูกในเชิงอุตสาหกรรม ดังนั้นกระบวนการปลูกก็จะใช้สารเคมีเป็นจำนวนมากเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มสารอาหารในดินก่อนปลูก และใส่ปุ๋ยเคมีระหว่างที่ข้าวเจริญเติบโต พ่นสารเคมีป้องกันแมลงบางอย่าง แต่ถ้ามีแมลงอีกอย่างเข้ามา ก็ต้องพ่นสารเคมีกำจัดแมลงตัวนั้นอีก หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวมาแล้วเมื่อขายเข้าโรงสีข้าว โรงสีก็ไม่ได้สีข้าวซะทีเดียว ข้าวเปลือกก็จะถูกเก็บเอาไว้ในโกดังก่อน การเก็บข้าวเปลือกในโกดังนั้นก็ต้องรมสารเคมีกันมอดกันแมลงอีก ในขั้นตอนการสีข้าวให้ขาวคุณประโยชน์ของข้าวถูกขัดออกไปหมด ทั้งวิตามิน B1 B2 Bรวม โปรตีน(ข้าวก็มีโปรตีนนะจ๊ะ) และเกลือแร่อีกหลายชนิด เหลือแต่แป้งไว้ให้เรากิน…น่าเศร้าจัง แต่ยังเศร้ากว่านั้นอีก คือหลังสีข้าวให้ขาวแล้วโรงสีก็ต้องส่งไปเก็บรอการบรรจุถุงขาย ตอนเก็บข้าวขาวนี้ก็ต้องรมสารเคมีป้องกันมอดและแมลงอีกที ลองกลับไปนับในย่อหน้านี้ดูสิครับว่ามีสารเคมีเข้ามาในกระบวนการทำข้าวมากแค่ไหน ข้าวขาวที่เรากินกันทุกวันนี้คือข้าวที่ตายแล้ว ตายแล้วตายอีกหลายรอบกว่าจะมาถึงเรา อิจฉาคนสมัยก่อนที่ได้กินข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือที่ตำกินเอง ปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีอย่างสิ้นเชิง เรียกว่า “ข้าวกล้องอินทรีย์ฆ ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ คือข้าวที่ยังมีชีวิต ถ้าโปรยลงบนดินก็สามารถงอกขึ้นมาเป็นต้นข้าวได้ สังเกตดูสิครับคนรุ่นทวดเราจะเป็นคนที่อายุยืนมากๆ แต่รุ่นปู่ย่าตายายเรานี่ไม่ค่อยยืนเท่า
จะว่าไป เดี๋ยวก็ถือว่าโชคดีของเราเหมือนกันที่มีคนหันไปผลิตข้าวกล้องอินทรีย์ ตามวิถีเกษตรอินทรีย์(Organic) ไม่ใช้สารเคมีใดทั้งสิ้นมากขึ้น ทำให้คนกินข้าวอย่างเราๆ มีทางเลือกเพิ่มขึ้น…เลือกกันให้ถูกทางนะ เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองและคนที่คุณรัก
ด้วยความปรารถนาดีจาก บ้านไร่ต้นฝัน
โรคปากนกกระจอก
โรคปากนกกระจอก อีกแบบ
คงจำกันได้ในชั่วโมงเรียนสุขศึกษา วิตามินบี ป้องกันโรคปากนกกระจอก วิตาบี มีมากในข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ แล้วไอ้โรคปากนกกระจอกเป็นอย่างไรหรือ โปรดอ่านบรรทัดต่อไป
โรคปากนกกระจอก มีลักษณะเป็นวงกลมขาว ๆ ขนาดเล็ก หรือเจ็บรอบ ๆ บริเวณที่เป็น ไม่มีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น คนที่มีน้ำลายมากกว่าปกติ ริมฝีปากแห้งและชอบเลียปากจนติดเป็นนิสัย อาจเป็นสัญญาณบอกว่าคุณเป็นโรค “ปากนกกระจอก” แล้ว ในผู้ที่ขาดวิตามินรวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันหรือใส่ฟันปลอม ทำให้รูปปากผิดปกติ เกิดการกดทับที่มุมปากกลายเป็นจุดอับชื้น เมื่อเหงื่อหรือน้ำลายมาอบบริเวณนั้นมากขึ้น ก็จะเกิดเป็นแผลที่มุมปาก และสุดท้ายอาจจะมีการติดเชื้อบางชนิดอย่างเช่นเชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงเชื้อไวรัสอย่างเริมได้ วิธีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดโรคปากนกกระจอกขึ้นกับตัวเอง…ทำได้ เพียงต้องหมั่นทำความสะอาดปากและฟัน ด้วยการแปรงฟัน บ้วนปากให้สะอาดหลังทานอาหารอยู่เสมอ และควรเช็ดมุมปากให้แห้งอยู่ตลอดเวลา
วิธีขั้นต่อมาก็ รักษาความสะอาดของเครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ตลอดจนผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เป็นประจำ ที่สำคัญต้องดื่มน้ำมาก ๆ ลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และต้องเลิกนิสัยชอบเลียมุมปาก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลมุมปากได้ ที่ขาดไม่ได้ คือหมั่นทาปากด้วยลิปปาล์ม หรือขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เพราะวิตามินอีจะช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นตัวดีขึ้นด้วย และที่สำคัญ ควรทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งพบมากในข้าวกล้อง ปลา ผักใบเขียว สำหรับธาตุเหล็กพบมากในข้าวกล้องอีกเช่นกัน รวมทั้งธัญพืช และถั่วชนิดต่าง
ทำไม่ยาก หากทำได้ “โรคปากนกกระจอก” ก็จะไม่มาทำให้เราได้กังวลใจอีกเป็นแน่
ชั้นต่างๆ ของเมล็ดข้าว
เมล็ดข้าวทุกพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว ข้าวฟ่าง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี จะมีส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งอยู่ในเมล็ดพืช เรียกว่าจมูกข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่จะงอกออกไปเป็นต้นใหม่
ประโยชน์ของจมูกข้าวคือ
เป็นแหล่งโปรตีน ต้นข้าวต้นใหม่จะงอกได้ก็ต้องอาศัยโปรตีนจากจมูกข้าวนี่แหละ มนุษย์ที่กินจมูกข้าวก็เลยไดประโยชน์ส่วนนี้ไปโดยปริยาย
จมูกข้าวยังอุดมด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ จะช่วยชะลอความชรา ป้องกันโรคเสื่อมต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันอัมพาต
อุดมด้วยสารเส้นใย ช่วยในการขับถ่าย รักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ และป้องกันมะเร็งลำไส้
มีเกลือแร่เซเลเนียม ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการของวัยหมดประจำเดือน จึงเหมาะมากสำหรับผู้หญิงวัยกลางคน
มีสังกะสีมาก ซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ชาย เพราะหากผู้ชายคนไหนขาดสังกะสีจะทำให้ต่อมลูกหมากโต
จมูกข้าวจึงป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
วันนี้จะแนะนำให้กินจมูกข้าว ว่าเอามาทำอะไร กินได้บ้างนอกจากเอามาโรยข้าว แต่ที่สำคัญกว่าคือจะต้องเลือกจมูกข้าวที่ใหม่
ไม่มีกลิ่นหืน เพราะความหืนที่ว่ามาจากน้ำมันในจมูกข้าวถูกออกซิไดซ์ โดยทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ
จะทำให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพมากกว่า เวลาซื้อจมูกข้าวสาลีจึงต้องเลือกใหม่ ๆ ถามคนขายก็ได้
คนขายที่รักสุขภาพน่าจะบอกความจริงแก่ลูกค้าว่าอันไหนใหม่ อันไหนเก่าเก็บ ถ้าเลือกแบบบรรจุในถุงสุญญากาศก็จะเสี่ยงต่อความหืนน้อยกว่า